การพัฒนาทางด้านร่างกายและด้านสมองของเด็กถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ปีแรกไม่ได้รับการพัฒนาที่เหมาะสมแล้ว จะทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ ทั้งด้านภาษา การสื่อสาร การจดจำและการเรียนรู้ ดังนั้นช่วง 3 ปีแรกจึงถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดสำหรับการพัฒนาเด็ก ซึ่งการพัฒนาเด็กควรให้ความสำคัญทั้งด้านสมองและด้านร่างกายไปพร้อมกัน ซึ่งการพัฒนาร่างกายนั้น สามารถทำได้ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และเสริมด้วยการทำงานศิลปะจึงจะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อสมองให้มีความเข็งแรงได้ เด็กวัยแรกเกิดจนถึง 3 ปีแรกเป็นวัยที่อยู่ในช่วงของการเรียนรู้ทั้งด้านร่างกายและสมอง ซึ่งวันนี้จะกล่าวถึงการเรียนรู้จะเน้นไปในด้านการสร้างกล้ามเนื้อส่วนต่างของร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ใช้ในการหยิบจับ ซึ่งพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อจะเกิดขึ้นจากการใช้อวัยวะในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การยืน การเดิน การหยิบจับ เป็นต้น ซึ่งการเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อนอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว การทำงานศิลปะสามารถช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อได้เช่นเดียวกัน ลักษณะของงานศิลปะที่สามารถช่วยได้ เช่น การวาดรูป การระบายสี การปั้นดินน้ำมัน การต่อตัวต่อ เป็นต้น ซึ่งในขณะที่ทำงานเหล่านี้ เด็กจะมีการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ในการหยิบจับพู่กัน ดินสอสีหรือดินน้ำมัน เพื่อทำให้เกิดรูปภาพหรือรูปร่างตามภาพที่อยู่ในสมอง ซึ่งการใช้กล้ามเนื้อเป็นประจำจะทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงและมีการพัฒนาอย่างเหมาะสมกับช่วงวัย นอกจากขนาดของกล้ามเนื้อที่จะสมส่วนแล้ว การประสานงานระหว่างสมองและกล้ามเนื้อจะทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี ทำให้เด็กสามารถสร้างผลได้งานตรงตามความคิดมากขึ้น ถึงแม้ว่าครั้งแรกอาจจะไม่ได้ดังใจ แต่เมื่อทำบ่อย ๆ ทำซ้ำ ๆ เป็นประจำ ระบบการทำงานย่อมดีขึ้นตามลำดับ สำหรับสีสันของสิ่งที่นำมาให้เด็กเล่นควรมีสีสันที่สดใส เพื่อกระตุ้นความสนใจของเด็กให้อยู่กับทำงานศิลปะได้นานขึ้น แม้ว่าสีสันที่นำมาใช้ควรมีสีที่สด […]
ศิลปะ เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคย เพราะเริ่มตั้งแต่วัยเด็กเราทุกคนเคยผ่านการเรียนศิลปะหลากหลายรูปแบบมานับไม่ถ้วน สิ่งที่เราเห็นตรงกันคือ ทุกครัง้ที่เราสัมผัสกับงานศิลปะเราจะรู้สึกผ่อนคลาย หลายครั้งเราใช้ศิละเป็นางออกในการเยียวยาความรู้สึกหลากหลายด้าน งานศิลปะแบบไหนบ้างที่สามารถช่วยพัฒนาชีวิตได้ หลายครั้งที่เรามักได้ยินว่าหากต้องการให้ชีวิตดีขึ้น ให้เข้ามาทำงานศิลปะแล้ว ชีวิตของคุณจะพัฒนาขึ้น งานศิลปะสามารถพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นได้จริง แต่ว่าการพัฒนาที่กล่าวถึงนี้ไม่ได้หมายถึงการช่วยเพิ่มเงินหรือเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น เพราะงานศิลปะบางครั้งไม่สามารถขายตีค่าเป็นเงินได้ เนื่องจากงานบางอย่างสำหรับบางคนมีค่า แต่สำหรับอีกคนอาจจะไม่มีค่าเลย ทว่างานศิลปะสามารถช่วยพัฒนาจิตใจที่จะส่งผลให้ชีวิตดีขึ้นได้ เลือกงานศิลปะที่จะทำนั้น ควรเลือกงานแบบที่ตนเองมีความชอบหรือความรักในนั้น เพราะความรักและความชอบจะทำให้รู้สึกมีความสุขในการทำงานศิลปะดังกล่าว ซึ่งงานศิลปะไม่จำเป็นต้องเป็นการวาดรูป การระบายเท่านั้น แต่งานศิลปะยังมีอีกหลายแขนงให้คุณเลือกทำ เช่น การจัดดอกไม้ การพับกระดาษ การตัดเย็บ การถักนิตติ้ง การถักโครเชต์ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นงานศิลปะที่ช่วยทำให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิในระหว่างที่ทำ มีความสุข รู้สึกเพลิดเพลิน เพราะจิตใจจดจ่ออยู่กับงานที่รักที่ชอบ การทำงานศิลปะไม่จำเป็นต้องออกมาสวยตามคำนิยามของใคร แต่ว่าต้องสวยในแบบของตัวผู้ทำมากกว่า เนื่องจากความชอบของแต่ละคนนั้นต่างกัน บางคนชอบสีเหลือง บางคนชอบสีชมพู บางคนชอบสีเขียว ดังนั้นผลงานชิ้นเดียวกัน คนมองสิบคนก็ให้ความรู้สึกสิบแบบ ดังนั้นงานที่ทำออกมาขอเพียงคุณมีความสุขและสนุกกับการลงมือทำก็ถือว่างานศิลปะนั้นทำให้ชีวิตของคุณพัฒนาขึ้นแล้ว เพราะว่าเมื่อคุณมีความสุข จิตใจของคุณก็สงบ สบาย ไม่มีความเครียด ไม่มีความวิตกกังวล มีสมาธิมากขึ้น เมื่อไปทำกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ ก็จะทำให้ผลงานที่ออกมาดีขึ้น ซึ่งงานศิลปะบางอย่างที่ทำออกเรื่อย ๆ มีการพัฒนาฝีมือ […]